โรงเรียนแห่งแรกของฉัน

โรงเรียน ณ ดรุณ เป็นโรงเรียนแรกของเม เมจำได้ว่าวันแรกที่เมไปโรงเรียนเมอายุแค่ 2 ปี เมยัง เป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่อ่านหรือเขียนยังไม่เป็นเลยค่ะ เมื่อให้เมมองย้อนกลับไป เมนึกถึงความทรงจำดีๆหลายอย่างเพราะเมอยูู่ที่ณ ดรุณ ตั้ง 8 ปี ! มันเป็นช่วงเวลาที่ีเมได้รับความรู้และประสบการณ์ต่างๆ ที่มีส่วนทำให้เมเป็นเมในวันนี้ เมรู้สึกสนุกเวลาเรียนหนังสือเพราะการเรียนที่ณ ดรุณ ให้อิสระเมคิดในสิ่งที่เมต้องการ และทำให้เมมีมุมมองที่แตกต่างและคิดอยู่ตลอดว่าการเรียนรู้เป็นสิ่งที่สนุกและน่าตื่นเต้นในการที่จะได้เรียนสิ่งใหม่ๆ บางทีเมพบว่างานบางอย่างท้าทายมาก แต่เมื่อเมมองย้อนกลับไป งานเหล่านั้นทำให้เมได้รับความรู้มากขึ้นจนทุกวันนี้ค่ะ

 

เมมีความประทับใจหลายอย่างกับโรงเรียนนี้ช่วงที่เมเรียนอยู่ที่ณ ดรุณ วิชาโปรดของเมคือชั่วโมง นักเขียนค่ะ เพราะว่าเมชอบอ่านหนังสือมากเมยังจำได้เลยตอนที่ครูเมให้แต่งนิทานจากการจับฉลาก สถานที่ และตัวละคร ที่ครูกำหนด เมจับฉลากได้สถานที่คือทะเล และตัวละครคือหมา เมก็เลยแต่งเรื่องเกี่ยวกับหมาที่ อาศัยอยู่ในทะเล และหมาตัวนี้มันอยากเป็นซูเปอร์แมน มันเลยต้องต่อสู้กับสัตว์ร้าย ตลกมากค่ะอีกความทรงจำที่เมประทับใจก็ต้องเป็นตอนที่เมเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของสีม่วง เป็นช่วงเวลาที่สนุกมากเมได้ใส่ผมปลอมและได้ดื่มน้ำเเดงหลังซ้อมด้วยค่ะ หรือตอนที่มีกิจกรรม Wax Museum เมเป็นพระศรีสุริโยไทยเมยังจำได้ว่าเมต้องพยายามทำตัวแข็งให้เหมือนหุ่นขี้ผึ้ง และรอให้ผู้ชมมากดปุ่ม แล้วเมต้องพูด ซึ่งคำพูดของเมก็ยาวมาก! และเมก็ได้มีโอกาสไปสอบแข่งขันที่โรงเรียน เพชรยอดมงกุฎด้วยเมรู้สึกภูมิใจมากที่โรงเรียน ณ ดรุณ ได้ให้เมไปทดสอบความรู้ของเม กับนักเรียนคนอื่น ถึงแม้ว่าเมจะไม่ได้เป็นที่หนึ่งแต่เมก็ได้รับประสบการณ์ที่ดีค่ะ

 

ตอนนี้เมเรียนอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติใหม่แห่งประเทศไทย (New International School of Thailand) เมรู้สึกว่าการเรียนที่โรงเรียน ณ ดรุณ ทำให้เมมีระเบียบมากขึ้น มีมารยาทที่ดีและรู้จักที่จะแบ่งปันกับคนอื่น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยเมสามารถใช้ภาษาไทยได้ดีมากเมื่อเทียบกับนักเรียนไทยที่โรงเรียนนานาชาติซึ่งเมคิดว่าเป็นประโยชน์สำหรับตัวเมมากค่ะ สุดท้ายนี้เมอยากจะขอบคุณโรงเรียน ณ ดรุณ และคุณครูทุกคนที่ช่วยหล่อหลอมให้เมเป็นเมในทุกวันนี้ค่ะ

 

อัญญาภา ตันติพิพัฒพงษ์
ขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ โรงเรียนนานาชาติใหม่แห่งประเทศไทย Year 8
เข้าเรียนปี 2545-2553

 


ความประทับใจที่ได้เรียนที่โรงเรียน ณ ดรุณ

เต็มเองครับ หวังว่าคงจะยังไม่ลืมกัน ถ้าจะให้ถามเรื่องความประทับใจว่า ประทับใจอะไรของ รร. ณ ดรุณ ผมคงต้องบอกว่า ทุกอย่างนั่นแหละครับ ตั้งแต่ผมจำความได้ตอนเด็กๆคุณพ่อส่งผมเข้าไปทดลองเรียนแม่เล่าว่าพ่อเลือกรร. นานมากให้ทดลองเรียนถ้าไม่ถูกใจก็ให้ไปลองเรียนที่อื่นจนมาเจอรร. ณ ดรุณ นี่แหละครับ รร. นี้เป็นที่ให้ความรู้กับผม คุณครูทุกคนใจดีมากครับแม้ว่าผมจะดุจะดื้อจะซน คุณครูก็เข้าใจจากตอนแรกที่ผมไม่รู้อะไรเลยก็ทำให้เด็กคนหนึ่งมีความรู้มากขึ้น ตอนแรกนั้นผมไม่รู้หรอกครับว่าการเรียนที่สนุกสนานเป็นยังไง ผมจินตนาการภาพห้องเรียนว่าเป็นสถานที่ทรมานสำหรับเด็กหรือไม่ก็ห้องหน้าเบื่อ ที่มีโต๊ะและเก้าอี้ไม่ฉากที่ได้เห็นทุกวันคงเป็นกระดานดำ แล้วก็ต้องนั่งฟังเสียงชอล์ก ดังครูดุทุกวัน แต่พอผมได้มาอยู่ โรงเรียน ณ ดรุณ ผมรู้สึกว่า ณ ดรุณ ฉีกภาพโรงเรียนในความคิดของผมไปผิดถนัดเลย ตั้งแต่ตอนผมอยู่อนุบาล ผมก็รู้สึกสนุกมาก ผมไม่รู้สึกเหมือนกำลังนั่งเรียนอยู่ด้วยซ้ำ

 

ผมประทับใจคุณครูที่นี่มากไม่ว่าจะเป็นครูมะ ครูโจ้ครูแอ๊ด ครูปอย ครูบอม และ คุณครูอีกหลายท่านที่ผมไม่ได้พูดถึง คุณครูสอนดีมากและมีวิธีการสอนที่ทำ ให้จำง่ายขึ้น การสอนที่ผมชอบที่สุดคงเป็นหลักสูตร คณิตศาสตร์ของครูกุ้ง เรื่องเจ้าหญิงทิชชูไม่รู้ว่าครูคิดได้ไง นำการสอนไปผสมกับนิทานให้พวกเราจำได้ผมยังไม่ลืมและยังเอา ไปเล่าให้น้องฟังอยู่เลยแต่ถ้าพูดถึงช่วงที่ประทับใจที่สุด เกี่ยวกับคุณครูผมก็คงต้องนึกถึงตอนที่ผมแขนหักครับ ถึงแม้จะอยู่ไกลแต่ครูก็ยังมา ให้กำลังใจผมถึงที่บ้าน ถ้าเป็นตอนนี้ผมคงร้องไห้ไปแล้วแต่เพราะตอนนั้นยังเด็กอยู่ยังจำได้อยู่แหละครับ ทุกๆเหตุการณ์

 

ส่วนอีกสิ่งหนึ่งที่ผมต้องขอขอบคุณทาง ณ ดรุณ มากๆก็คงหนีไม่พ้นภาษาครับ ถ้าโรงเรียนไม่ได้ปูพื้นฐานภาษาอังกฤษให้ผมป่านฉะนี้ผมคงต้องตายคาหนังสือภาษาอังกฤษแน่ๆเลยครับ ตอนนี้เห็นเพื่อนๆหลายคนต้องยอมแพ้กับภาษาอังกฤษ ผมเลยเห็นค่าของมันว่าภาษาอังกฤษมีความสำคัญขนาดไหน ณ ดรุณ ยังเปิดโอกาส ให้ผมค้นพบหลายอย่างที่ผมชอบ ตอนแรกผมไม่รู้จักเจ้ากีตาร์เบสหรอกครับ จนได้มาเรียนตอนเรียนพิเศษ ผมรู้สึกว่าเสียงเบสมันหน้าหลงใหล ตอนนี้ผมกำลัง พยายามฝึกเล่นให้เก่งอยู่ครับ ผมว่านอกจากเรื่องการสอนก็ยังมีเรื่องกิจกรรม ที่ผมชอบอย่างกีฬาสีและ มีกิจกรรมใหม่ๆที่ผมไม่รู้จักอย่าง tourist day แต่ถ้ากิจกรรมที่ผมชอบที่สุดละก็เห็นจะต้องเป็น Rally นี่แหละครับได้ไปกับเพื่อนๆ มีกิจกรรมกีฬาสีบนหาดทราย แสดงละคร ผมรู้สึกสนุกมากครับ รวมถึงตอนเป็นเชียร์ลีดเดอร์ด้วยซึ่งทำให้ผมชอบเต้นมาจนบัดนี้

 

เพื่อนๆในโรงเรียน ณ ดรุณน่ารัก ทุกคน ถึงแม้นักเรียนจะมีน้อยแต่ผมรู้สึก ดีนะครับ เพราะยิ่งมีนักเรียนน้อย ทุกคนก็จะยิ่งสนิทกันมากขึ้น รักกันมากขึ้น แม้จะมีคนน้อยเลยทำให้ห้องกว้างแต่ผมว่ามิตรภาพในห้องของผมมันกว้างกว่า แม้จะมีกันแค่ 4-5 คน แต่ผมว่าความเป็นเพื่อนมันไม่ได้สุดอยู่แค่นั้น แม้จะเป็นรุ่นพี่ หรือ ครูก็คือเพื่อนในอุดมคติของผมเหมือนกันทำให้นึกถึงช่วงปีสุดท้ายที่ได้ไปเล่น ice-skate กัน ยังประทับใจอยู่ไม่รู้ลืมครับ และก็ยังเก็บเรื่องต่างๆที่เคยผ่านมา ไม่ว่าจะดีหรือร้ายเอาไว้เรื่องดีๆก็เอาไปเล่าให้เพื่อนฟังเรื่องร้ายๆก็เก็บเป็นอุทาหรณ์ตลอด 9 ปีที่เคยอยู่โรงเรียน ณ ดรุณ ผมขอขอบคุณครูทุกคน และเพื่อนทุกคน ที่ทำให้ชีวิตในช่วงนั้นสนุกสนานมาตลอด 9 ปีจะไม่มีวันลืมเลยครับ ถ้าเป็นไปได่ก็ไม่อยากจะจากโรงเรียน ณ ดรุณ ไปด้วยซ้ำ รู้สึกผูกพันเหมือนบ้าน ถึงอย่างไรผมก็จะเก็บภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้นไว้ตลอดไปครับ…” ยังคงคิดถึงทุกคนอยู่นะครับ ^^ สุดท้ายนี้ผมขอลงท้าย “บทความ” นี้ด้วย “บทกลอน” เกี่ยวกับครูครับ

dpic2

ตั้งแต่ฉันยังเล็กจนเติบใหญ่

ครูสอนให้เป็นคนดีมีระเบียบ

คุณครูนั้นไม่มีผู้ใดเทียบ

คุณครูเปรียบดั่งแสงเทียนช่วยนำทาง

ยามแสงจันทร์ลาลับมืดดับไป

คุณครูคือผู้ให้แสงสว่าง

เป็นแสงดาวในความมืดที่เลือนลาง

ช่วยชะล้างความชั่วให้หมดไป

สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่าผมรัก รร. ณดรุณ ครับ

เต็มธรรม เชื้อวิวัฒน์
ขณะนี้กำลังศึกษาอยู่โรงเรียน ชั้นมัธยม 4
เข้าเรียนปี 2543-2552

 


บ้านเล็กๆที่เรียกว่า ณ ดรุณ

เมื่อประมาณ 9 ปีก่อนตอนที่ผมยังมีอายุได้เพียงแค่ 6 ขวบกำลังเตรียมตัวจะเข้าป.1 แม่ได้พาไปดูโรงเรียนแห่งหนึ่งที่พึ่งเปิดใหม่ ซึ่งมีนักเรียนเพียงแค่ 60 กว่าคนเท่านั้น เป็นสถานที่ที่มีบรรยากาศอบอุ่นและน่าเรียนเป็นอย่างมากถึงแม้ว่าจำนวนนักเรียนจะน้อยก็ตาม สถานที่นั้นก็คือโรงเรียน ณ ดรุณแห่งนี้นี่เอง

 

วันแรกที่ได้ย่างก้าวมาในโรงเรียนแห่งนี้เป็นความทรงจำที่ผมไม่มีวันลืมเนื่องจากเป็นวันที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับโรงเรียนใหม่ เพื่อนใหม่ครูใหม่และรวมไปถึงบรรยากาศใหม่ๆที่ต่างจากโรงเรียนอนุบาลอย่างสิ้นเชิง แต่ความแปลกใหม่ต่างๆนั้น ก็ไม่ได้เหมือนกับโรงเรียนประถมต่างๆทั่วๆไปเพราะมีจำนวนคนที่น้อยจนน่าทึ่ง รวมไปถึงกับการต้อนรับต่างๆอย่างอบอุ่นและรู้สึกไม่ตึงเครียดอย่างที่คิดไว้ เปรียบเสมือนเป็นบ้านหลังที่ 2 อย่างแท้จริง ที่โรงเรียน ณ ดรุณแห่งนี้นอกจากจะเป็นโรงเรียนเล็กๆที่มีเด็กน้อยแล้วก็ยังคงมีบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติอยู่จึงทำให้ผมลดความตื่นเต้นลงไป

 

ในด้านสังคมนั้น เมื่อเข้าไปเรียนก็ได้พบคำถามจากผู้ใหญ่คนอื่นๆ ว่า”โรงเรียนเด็กน้อยๆอย่างนี้จะทำให้มีสังคมที่ดีได้หรือ?”หรือไม่ก็“ทำไมโรงเรียนเด็กถึงน้อยอย่างนี้หละ?” ผมจึงได้แต่ทำหน้ายิ้มแล้วพยายามเดินหนีซึ่งทำให้ผมรู้สึกอายเนื่องจากตอบคำถามเหล่านั้นไม่ได้เป็นอย่างมาก จากคำถามเหล่านั้นทำให้เวลาผมออกไปข้างนอกจึงไม่ค่อยอยากจะพูดถึงเรื่องโรงเรียนสักเท่าไร แต่ถึงแม้ว่าผมไม่ค่อยอยากจะตอบไปตรงๆ แต่ผมก็คิดอยู่เสมอว่าภายในโรงเรียนผมก็มีสังคมได้เพราะทั้งเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้องรวมไปถึงอาจารย์หลายๆคนต่างก็สนิทกันไปหมดจนอาจจะพูดได้ว่าสนิทกันทั้งโรงเรียนเลยก็ว่าได้จึงทำให้เมื่อผมได้เลื่อนชั้นเป็นป.4 ก็เรื่มที่จะพูดเรื่องของโรงเรียนให้คนอื่นฟังมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน

 

นอกจากด้านสังคมจะดีแล้ว ทางด้านการเรียนก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าสักเท่าไรเพราะมีสาเหตุมาจากเด็กนักเรียนน้อยจึงทำให้เวลาเรียน อาจารย์สามารถสอนได้อย่างทั่วถึงและมีความใกล้ชิดในการสอนมากกว่าโรงเรียนที่มีจำนวนเด็กเยอะๆ ทำให้เวลาสอนเด็กมีความกระตือรือร้นในการเรียน มีความสุขความสนุกในการเรียน รวมไปถึงการมีความร่าเริงกับการเรียนการสอนต่างๆจากอาจารย์อีกด้วย

 

สิ่งที่ได้รับเพิ่มเติมมาจากโรงเรียน ณ ดรุณก็คือ “ความคิดอย่างมีเหตุผล”, “ความคิดสร้างสรรค์”และ “ความกล้าแสดงออกในด้านต่างๆ” ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร จากสามสิ่งที่ได้รับเพิ่มเติมมานี้ทำให้เมื่อผมได้เข้าสู่ระดับมัธยมภายใน รั้วจุฬา ผมมีความกล้าที่จะพูดและกล้าที่จะแสดงออกในด้านต่างๆ เวลามีการพูดการนำเสนอหรือการบรรยายงานต่างๆจึงดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและง่ายดายซึ่งถือเปนข้อดีอีกอย่างหนึ่ง จากข้อดีที่ผ่านมาจึงทำให้ผมสามารถเข้ากลุ่มสังคมในระดับมัธยมที่มีจำนวนคนมากกว่าเดิมได้อย่างง่ายดายและพร้อมที่จะทำอะไรใหม่ๆ เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน ณ ดรุณแห่งนี้ในอนาคตต่อๆไปครับ–ขอบคุณที่ทำให้ผมเป็นคนที่ดีและมีคุณภาพเช่นนี้ครับ ขอบคุณครับ

 

picdarun2

 

ด.ช.พศิน ทองพิทักษ์ถาวร
ขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยชั้นมัธยม 4
เข้าเรียนปี 2546-2552

 


 

“การเลือกโรงเรียนให้สอคล้องกับแนวคิดของทางบ้าน และเหมาะสมกับลูกไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับที่โรงเรียน ณ ดรุณ ต้องขอบอกว่า ลูกก็ถูกใจ แม่ก็ใช่เลย ! เพราะเกือบ 2ปีที่ย้ายมาเรียนที่นี่ ลูกมีความสุขมากในการมาโรงเรียน มีความมั่นใจ กล้าคิดกล้าแสดงออก และที่ชอบมากคือ โรงเรียนมีการส่งเสริมให้ลูกได้ใช้จินตาการ”

ผู้ปกครองประถม

 


 

มีเพื่อนหลายคนถามว่าลูก 2 คน เรียนที่ไหน พอตอบว่า “ โรงเรียน ณ ดรุณ” ก็มีคำถามตามมาทุกครั้งว่า โรงเรียนอยู่ที่ไหน เป็นยังไง สอนแบบไหน ทำไมให้เรียนที่นี่ ฯลฯ เพราะส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จักโรงเรียน แต่เชื่อว่าอีกไม่นานจะเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากคุณภาพของโรงเรียน

 

โรงเรียนมีส่วนสัมพันธ์กับครอบครัวอย่างมากเพราะเด็กๆใช้เวลาอยู่ที่โรงเรียน 8 – 9 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งนับว่าไม่น้อยเลย โรงเรียนจึงเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของเด็กๆ โดยครูเปรียบเสมือน พ่อ – แม่ หรือญาติของเด็กๆ ช่วยดูแลอบรมสั่งสอน ให้ความรู้ เพราะฉะนั้น การที่เลือกบ้านหลังที่สองให้ลูกจึงเป็นเรื่องสำคัญ ในช่วงที่เลือกโรงเรียนให้ลูก ได้ให้ลูกมีโอกาสมีส่วนร่วมในการตัดสินใจด้วย คือ พาลูกมาดูโรงเรียนก่อน และ ให้เรียนภาคฤดูร้อน คำพูดของลูกทั้งสองคนยืนยันการตัดสินใจให้ลูกเข้าเรียนที่โรงเรียนปฐมพัชรคือ “ไปโรงเรียนแล้วสนุกครับแม่” ในฐานะที่เป็นพ่อแม่ เราคิดว่าเราอยากให้ลูกมีความสุขในการเรียน การเรียนรู้ได้อย่างสนุกสนานเป็นสิ่งที่ช่วยให้ลูกๆรักที่จะไปโรงเรียน ลูกไม่เคยมีปัญหาเรื่องไม่อยากไปโรงเรียน โรงเรียนปฐมพัชรจึงบ้านหลังที่สองที่ลูกมาแล้ว เขามีความสุข ได้รับความรู้ผ่านกระบวนการเรียนรู้ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน

 

จากแนวคิดของโรงเรียนที่ว่า “ความรู้ที่มาคู่กับความสุข” เป็นสิ่งที่เราเห็นด้วย เด็กๆจะเรียนรู้และตอบรับสิ่งที่เขาเรียนรู้ได้ดี เขาควรจะสนุกเพลิดเพลินกับสิ่งเหล่านั้นทั้งความรู้ที่คุณครูมอบให้ในห้องเรียนและกิจกรรมเสริมหลักสูตรที่สอดคล้องกันไม่ว่าจะเป็น การทดลองการปฏิบัติ การเรียนภาคสนาม หรือการไปทัศนศึกษานอกสถานที่ ซึ่งจะช่วยให้เด็กๆเข้าใจบทเรียนดีขึ้น เป็นการเปิดโลกทรรศน์ของพวกเขา เมื่อเด็กๆได้เห็นสถานที่จริง เห็นของจริง เขาจะสามารถคิดตามง่ายขึ้น มองเห็นภาพชัดขึ้น เกิดการพัฒนาทักษะหรือกระบวนการคิดที่ดีขึ้น โดยส่วนตัวจะชอบการที่ให้เด็กไปทัศนศึกษาทำกิจกรรมนอกสถานที่ การมีกิจกรรมเสริมหลักสูตร เพราะทำให้เด็กสนุกกับการเรียนรู้ และจดจำเรื่องราวต่างๆได้ดีกว่าการนั่งเรียนในห้องเพียงอย่างเดียว ลูกๆเองก็มีความสุขสนุกสนานกับกิจกรรมต่างๆที่โรงเรียนจัดให้ หวังว่าโรงเรียนจะยังจัดกิจกรรมที่ดีให้เด็กต่อไป และคิดว่าโรงเรียนจะสามารถจัดกิจกรรมได้เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการนำเด็กๆไปทัศนศึกษานอกสถานที่เพื่อประกอบบทเรียนต่างๆ

 

นอกจากการเรียนแล้ว สิ่งที่ควรจะมาคู่กันคือการที่เด็กๆมีสุขภาพที่แข็งแรง มีจิตใจร่าเริง มีน้ำใจนักกีฬา การปลูกฝังจริยธรรม คุณธรรมให้กับเด็กๆ เราชอบโรงเรียนที่มีสนามหญ้ากว้างๆ ให้เด็กๆสามารถวิ่งเล่นได้ มีสภาพแวดล้อมที่ยังคงความเป็นธรรมชาติให้เด็กๆได้สัมผัส การมีกิจกรรมโฮมรูม กิจกรรมชมรม กีฬาสี แต่ก็ยังอยากให้โรงเรียนมีกิจกรรมที่สร้างเสริมคุณลักษณะเหล่านี้เพิ่มขึ้น เพราะอยากให้เด็กๆเรียนรู้และเห็นความสำคัญของการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่น การมีสัมมาคารวะรู้จักกาละเทศะ การสร้างสมาธิ กิจกรรมส่วนนี้จะช่วยให้เด็กเติบโตด้วยความมั่นคงทางอารมณ์และจิตใจ มีความเชื่อมั่นในตนเง รู้จักหน้าที่ของตนและมีความรับผิดชอบ เป็นคนดีของสังคมต่อไป

 

ตั้งใจเขียนนิดเดียวแต่มาจากไหนไม่รู้ได้มากขนาดนี้ คงเป็นเพราะเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนน่าที่จะต้องการให้การไปโรงเรียนของลูกเป็นการเดินทางเพื่อการเรียนรู้อย่างมีคามสุขและด้วยความสนุกสนานโดยที่ลูกมีความพร้อมในการพัฒนาตนเองภายใต้บรรยากาศที่อบอุ่นได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดและด้วยความเข้าใจในเด็กแต่ละคนของคุณครู เมื่อโรงเรียนสร้างความเชื่อมั่นให้กับพ่อแม่ผู้ปกครอง คุณครูเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของทั้งผู้ปกครองและลูกๆ พ่อแม่ผู้ปกครองรู้สึกไว้วางใจในโรงเรียน ทั้งโรงเรียนและครอบครัวก็พร้อมที่ร่วมกันพัฒนาลูกๆของเราให้เติบโตบนพื้นฐานการมีทัศนคติที่ดี มีความมั่นใจในตนเองและมั่นคงทางอารมณ์ เป็นคนดีของสังคมที่พร้อมด้วยความรู้และปัญญา ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นโจทย์ที่พ่อแม่หาคำตอบได้ที่นี่ ที่โรงเรียน ณ ดรุณ

 

ประภา ตันติประเสิรฐสุข
อาจารย์ประจำสาขาวิชาการจัดการโรงแรมและการท่องเที่ยว
คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

 


 

เมื่อนึกถึงโรงเรียนปฐมพร ( ณ ดรุณ ) ข้าพเจ้าก็อดยิ้มไม่ได้ ทั้งปฐมพัชรและ ณ ดรุณ เป็นชื่อที่เคยคุ้นทั้งสิ้น ข้าพเจ้าเริ่มเรียนระดับอนุบาลที่อนุบาล ณ ดรุณ และกลับมาเรียนชั้นป.4 ที่โรงเรียนปฐมพัชร ครั้งที่ยังอยู่ปฐมพัชรนั้นมีความประทับใจหลายอย่างที่น่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราหัวเราะหรือร้องไห้ ทุกๆ สิ่ง ที่ข้าพเจ้าทำที่โรงเรียนแห่งนี้ เป็นพื้นฐานความเป็นตัวของข้าพเจ้าเองในทุกๆ วันนี้ ถ้าจะให้เทียบเป็นอุปมาอุปมัย ข้าพเจ้าก็คงเหมือนกับหินสำหรับแกะสลักที่ออกจะผิดรูปผิดร่างนิดหน่อย ก่อนที่จะเข้าไปอยู่ใต้ชายคาของโรงเรียนปฐมพัชร เมื่อได้เข้าไปแล้ว โรงเรียนก็ได้ช่วยข้าพเจ้า “แกะสลัก” ตัวเองให้เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง — Polish me, Make me shine. แต่ในขณะเดียวกันก็สอนให้ข้าพเจ้าดูแลและรักษาตัวเองไปด้วย นอกจากนี้แล้ว ในมุมมองข้าพเจ้า โรงเรียนปฐมพัชรมิได้เป็นแค่โรงเรียน มันยังคงเป็นบ้านหลังที่สองของข้าพเจ้า ไม่มีวันไหนเลยที่ข้าพเจ้าไม่อยากไปเรียน มันเหมือนกับการได้ไปพักผ่อนกับครอบครัวที่สองของข้าพเจ้า โดยที่ขณะเดียวกันข้าพเจ้าก็ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายโดยที่ไม่รู้ตัว คุณครูทุกๆ คน เป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ ส่วนเพื่อนๆ ก็เหมือนพี่น้อง พวกเรารักกันมาก ซึ่ง leads to the fact that most of the prople in Prthompat and I remainded friends. พวกเรารักกันมากจริงๆ มาถึงวันนี้ข้าพเจ้าก็ยังจำทุกๆ ความทรงจำได้แม่นไม่ลบเลือน สำหรับข้าพเจ้า..โรงเรียนช่วยให้ข้าพเจ้าค้นหาตัวเอง ทำให้ข้าพเจ้ารู้จักตัวเองมากขึ้นในระดับหนึ่ง ช่วย “แกะสลัก” ข้าพเจ้าให้พื้นฐานของข้าพเจ้าดีทั้งกายและใจ โรงเรียนแห่งนี้จะอยู่ในใจข้าพเจ้าตลอดไป

สรัย วัชรพล
เข้าเรียนปี 2540-2542(เตรียมอนุบาล-อ.2); 2547-2550 (ป.4-ป.6)
ขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ที่ International School of Bangkok ชั้น ม.3